WHY CHOSE AGENCY

ทำไมถึงเลือกไปกับเอเจนซี่…ต้องบอกก่อนเลยว่าเหตุผลที่เราตัดสินใจเลือกไปกับเอเจนซี่ คือ ความสะดวกและง่าย ด้วยความที่เรายังทำงานเป็นแอร์อยู่ที่บริษัทเดิม เราไม่อยากมาวุ่นวาย ต้องมานั่งหาโรงเรียน หารายละเอียดเกี่ยวกับโรงเรียน คอยตอบเมล์กับทางโรงเรียน จองวันตรวจร่างกาย จองวันสัมภาษณ์วีซ่า จองตั๋วเครื่องบิน เราเลยคิดว่าการไปผ่านเอเจนซี่เป็นคำตอบที่ดีสำหรับเรา

.

คนอื่นอาจมีคำถามว่าแล้วถ้าไปเองล่ะ เราก็จะบอกว่า..ได้ค่ะ ติดต่อไปกับทางโรงเรียนโดยตรง ดีลเอง ทำทุกอย่างเองหมด แต่การที่ติดต่อโรงเรียนเอง ก็ต้องมองถึงความน่าเชื่อถือของโรงเรียนด้วย ต้องค้นหาข้อมูล ข้อเท็จจริงเอง แต่สำหรับเรา ถ้ามีอะไรเราจะให้เอเจนซี่เป็นคนออกหน้ารับแทน เพราะเราถือว่าเรามาที่โรงเรียนนี้ผ่านทางเอเจนซี่ คุณต้องรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น

เหตุผลในการตัดสินใจของเรา คือ ความสะดวก ง่าย และไม่วุ่นวาย

อย่างที่เราได้กล่าวไป เราเลือกไปกับเอเจนซี่เพราะสะดวก ง่าย และไม่วุ่นวาย เรามีหน้าที่แค่ขอวันหยุดหรือแลกตารางบินมาตรวจร่างกาย ขอวีซ่า และหาเวลามาเรียนปรับพื้นฐานกับทางเอเจนซี่แค่นั้น เรามีเพื่อนที่ตัดสินใจไปเรียนเอง เลือกที่จะเรียนโรงเรียนเดียวกับเรา เลือกที่จะติดต่อกับทางโรงเรียนโดยตรง เพื่อนเราเค้าก็ถามเรานะว่าทำไมเราถึงเลือกไปกับเอเจนซี่ เราก็ให้เหตุผลที่ตามที่เราได้กล่าวไว้ แต่..เพื่อนเราเลือกที่จะเป็นคนติดต่อกับทางโรงเรียนเอง ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณต้องถามตัวคุณเองแล้วว่าจะเลือกแบบไหน มันแน่นอนอยู่แล้วที่ว่า..เลือกไปกับเอเจนซี่ค่าใช้จ่ายอาจจะสูงกว่าการที่ติดต่อกับทางโรงเรียนโดยตรง แต่สำหรับค่าใช้จ่ายที่แตกต่างแลกกับความสะดวกและไม่วุ่นวายตามที่เราต้องการ..เราว่ามันก็โอเคนะ

.

แต่กว่าที่เราจะตัดสินใจได้ว่าเราจะเลือกไปกับเอเจนซี่ไหน เราใช้เวลาหาข้อมูลของแต่ละเอเจนซี่เหมือนกันทั้งถามอากู๋ ดูหน้าเว็บของเอเจนซี่นั้น ดูโรงเรียนที่เอเจนซี่ทำ MOU ไว้ โทรไปคุยกับทางเอเจนซี่โดยตรง และสิ่งสุดท้ายที่ต้องทำ คือ ไปดูออฟฟิศของเอเจนซี่นั้นและคุยกับทางเอเจนซี่ด้วยตัวเอง

Memorandum of Understanding (MOU) คือ เอกสารหรือหนังสือสัญญาที่ทั้งสองฝ่าย
ลงนามข้อตกลงร่วมกันด้วยความเข้าใจที่ตรงกัน

สุดท้ายเราเลือกที่จะไปกับเอเจนซี่ชื่อ Thai Flight Aviation (TFA) ด้วยเหตุผลที่ว่า..เอเจนซี่สามารถตอบคำถามในสิ่งที่เราสงสัยได้ทุกข้อ และเป็นเอเจนซี่ที่มีนักเรียนไทยกำลังเรียนที่โรงเรียนการบินในอเมริกา ณ ตอนนั้น อีกทั้งเอเจนซี่ยังยืดหยุ่นเวลาการเรียนปรับพื้นฐานก่อนไปเรียนจริงที่อเมริกาให้ตรงกับวันที่เราสามารถบินกลับไทยมาเรียนได้ เพราะตอนนั้นเรายังบินตามตารางบินของเราอยู่

กว่าจะได้รูปนี้มา..เหนื่อยอยู่นะ ◡̈

WHY CHANGED CAREER

ทำไมถึงเลือกที่จะเปลี่ยนอาชีพ เราเคยคิดว่าถ้าเราเลิกเป็นแอร์ เราจะไม่กลับขึ้นไปอยู่ข้างบนอีก แต่เมื่อเวลาผ่านไปเรายังรู้สึกว่าเรารักที่จะทำงานบนฟ้า เรารักที่จะทำงานอยู่บนเครื่องบิน เรารู้สึกว่างานแบบนี้มันได้เรียนรู้ตลอดเวลา เราบอกไม่ได้ว่าในแต่ละไฟลท์เราจะเจออะไรบ้าง

.

นักบิน…เคยเป็นความฝันของเราเหมือนกัน แต่…เราเคยเป็นคนสายตาสั้น เราไม่ได้เรียนสายวิทย์-คณิต เราไม่ใช่เด็กวิศวะ และเราก็เป็นผู้หญิง สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เรามักได้ยินเสมอสมัยเรายังเด็ก เป็นสิ่งที่ทำให้เราล้มเลิกความฝันนี้ไปเหลือแต่ความฝันที่อยากเป็นแอร์

.

ความฝันนี้ได้กลับขึ้นมาในความคิดใหม่อีกครั้ง ตอนเราทำไฟลท์ไปเจดด้า ( Jeddah, Saudi Arabia ) ขณะที่เรานั่งประจำที่ของเรา ( Jump seat) เรามีโอกาสได้คุยกับพี่คนนึงที่นั่งอยู่ตรงข้าม พี่เค้าเป็นคนไทย คุยไปคุยมา เราถึงได้รู้ว่าพี่เค้าเป็นนักบิน บินให้กับสายการบินสายการบินหนึ่งที่ไปประจำอยู่ที่ซาอุฯ เราเลยบอกพี่เค้าไปว่าเราเคยมีคิดอยากจะเป็นนักบินเหมือนกัน แต่ด้วยสาเหตุที่เรากล่าวไปข้างต้นทำให้เราล้มเลิกความตั้งใจไป พี่เค้าเล่าให้เราฟังว่า ตัวพี่เค้าเองไม่ได้จบสายวิทย์-คณิต ไม่ได้จบวิศวะ แต่พี่เค้าจบสายศิลป์ ส่วนมหาลัยพี่เค้าจบนิเทศฯ มันเลยเป็นแรงจูงใจทำให้เราอยากจะไล่ตามความฝันของเราอีกครั้ง

จบสายศิลป์ ไม่จบวิศวะ ก็เป็นนักบินได้

หลังจากไฟลท์นั้นเรากลับมาหารายละเอียด ข้อมูลเกี่ยวกับการเรียนบินทั้งในประเทศไทยและอเมริกา เมื่อได้ข้อมูลจำนวนนึง ช่วงที่เรากลับไทย เราได้ปรึกษาพ่อกับแม่ ( ผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ ) เกี่ยวกับเรื่องที่เราอยากเรียนบิน สิ่งที่เราตัดสินใจ เพราะเราบอกท่านทั้งสองว่าเราเลือกที่จะไปเรียนที่อเมริกานะ และเลือกที่จะกลับมาสอบเทียบใบอนุญาต ( convert license ) เป็นของไทย

.

สาเหตุที่เราเลือกเรียนที่อเมริกา คือ เราต้องการที่จะกลับไปทำงานที่บริษัทเดิม ซึ่งเราขอ Leave without Pay จากทางบริษัทไปเรียน แต่เมื่อถึงวันที่เรากลับไปที่บริษัท ไปคุยกับแผนกรับนักบินของบริษัท ทางแผนกบอกว่าเราขาดไป 2 สิ่ง ทำให้เค้าไม่สามารถรับเราในตำแหน่ง Second Officer ได้ เค้าบอกว่าให้เรากลับไปเรียนใบอนุญาติ 2 สิ่งนี้มา ซึ่งก็คือ ATP-CTP ( Airline Transport Pilot Certification Training Course ) และ MCC ( Multi Crew Co-ordination ) บวกกับการที่เราได้คุยกับเพื่อนเราที่เป็น First Offiers และ Captain หลายคนแนะนำว่า…ถ้าเรามีโอกาสที่จะไปสมัครที่อื่น ให้เราไปเก็บชั่วโมงบินให้ครบ 1,500 ชม. ทำ ATP ( Airline Transport Lincese ) ให้พร้อม แล้วค่อยกลับมาสมัครใหม่

Multi Crew Co-ordination คือ หลักสูตรที่ฝึกนักบินจบใหม่ (Single-Pilot) 
ให้มีความคุ้นเคยกับการบินเป็นคู่ (Multi-Pilot or Multi Crew) 
ซึ่งสายการบินต่างประเทศส่วนใหญ่เป็นการบินแบบ Multi Crew ทั้งสิ้น

เราเลยตัดสินใจลาออกจากบริษัทที่เราเป็นแอร์อยู่และตัดสินใจกลับไทย แทนที่จะกลับไปเรียน ATP-CTP   และ MCC เพื่อมาทำเรื่อง Convert License สอบใบแพทย์ (Medical Class I) จากนั้นจึงเริ่มสมัครงานที่เมืองไทย

BEGIN AGAIN…

เริ่มต้น…อีกครั้ง เราเคยลองเขียนบล็อคหรือไดอารี่ออนไลน์มาหลายครั้งแล้ว ไม่ว่าจะเป็น  Storythai, Blogspot, Diaryhub  ทำไปได้สักพัก พอเบื่อก็เลิกเขียน เริ่มแรกที่เราอยากมีบล็อคเป็นของตัวเองมันเกิดขึ้นเมื่อปี  2004  เป็นปีที่เราตัดสินใจไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน เราได้เข้าไปอ่านบทความ เรื่องเล่า ประสบการณ์ของใครหลายๆคนที่ไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน เราเลยมีความคิดที่จะเขียนประสบการณ์ของตัวเองเก็บไว้บ้าง แต่..พอเขียนไปได้สักพักเราก็เลิก

.

เรากลับมาลองเขียนอีกครั้งตอนเราไปตามล่าความฝันสมัยมัธยมของเรา คือ ตอนที่ไป  Walk-in Qatar Airways  ในฐานะพนักงานตอนรับบนเครื่องบิน ช่วงเวลาที่รออีเมลล์ตอบรับ มันทั้งตื่นเต้นและลุ้นมากว่าเราจะได้  Congratulation Email  ( อีเมลล์ตอบรับ ) หรือ  Regret Email  ( อีเมลล์ปฏิเสธ ) เราเลยตัดสินใจที่จะเขียนประสบการณ์ของเราเก็บไว้อีกครั้ง แต่…ไปได้ไม่ถึงไหน เรียกว่าล่มตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยก็ได้

It's never too late to start again

มาถึงความคิดที่จะเขียนบล็อคครั้งนี้ของเรา เริ่มจาก..เราเปลี่ยนอาชีพอีกครั้ง เปลี่ยนจากทำงานข้างหลังของเครื่องบิน (ในเคบิน) มาอยู่ข้างหน้าสุด (ที่เห็นท้องฟ้าชัดมาก) เป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญและเป็นการใช้งบประมาณในการทำให้ความฝันอีกอันนึงของเราเป็นจริงมันค่อยข้างที่จะสูง มีคนรอบตัวหลายๆคนถามถึงเหตุผลที่ตัดสินใจ การเลือกสถานที่เรียนของเรา เราเลยอยากจะเขียนบันทึกเรื่องราว ประสบการณ์ของเราเก็บไว้ หรืออะไรก็ได้ที่เราไปเจอมา เพราะตัวเราเองเป็นคนความจำสั้น จำรายละเอียดเรื่องราวที่ไปเจอมาไม่ค่อยได้

.

อีกหนึ่งในหลายเหตุผลที่ทำให้เราเลิกเขียนบล็อคนอกจากความขี้เกียจและเบื่อแล้ว คือการที่เราต้องคอยหา theme สวยๆ น่ารักๆ คอยอัพเดต คอยเปลี่ยนตลอดเวลา เพื่อที่ตัวเราเองจะได้ไม่เบื่อ จนเรามาเจอบล็อคของหลายๆคนที่มีความเรียบง่าย ไม่ต้องวุ่นวาย ยุ่งยาก มันเราให้เราตัดสินใจที่จะกลับมาเขียนอีกครั้ง โดยเลือกที่จะใช้ธีมเรียบๆ ง่ายๆ แทน และค่อยพัฒนาต่อไป

#เตือนตัวเอง >> อายุเพิ่มขึ้นอีกปี..เริ่มทำอะไรจริงจังได้แล้วนะ